7 ลักษณะฟันที่ควรจัดฟัน และทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ เกี่ยวกับการจัดฟัน

ทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontics) คือ การรักษาความผิดปกติของ การเรียงตัวของฟันที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงความผิดปกติของขากรรไกรที่ส่งผลต่อรูปร่างใบหน้า
โดยใช้เครื่องมือสร้างแรงเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และสำหรับคนที่กำลังสนใจการการจัดฟันกันอยู่ หมอก็ได้รวบรวมเอาข้อมูลที่ต้องรู้มาฝากค่ะ

Q: จัดฟันแล้วหน้าจะเรียวขึ้นจริงหรือเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: การจัดฟันเป็นการการแก้ไขปัญหาในช่องปาก ซึ่งรูปหน้าที่เรียวสวยขึ้นเป็นเพียงผลพลอยได้จากการจัดฟันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จัดฟันแล้วรูปหน้าจะเปลี่ยน แปลงอย่างเห็นได้ชัด และการจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาในช่องปากด้วยทันตกรรมไม่ใช่ศัลยกรรม

Q: การจัดฟันใช้เวลานานแค่ไหน? ที่โฆษณาบอกว่า เสร็จเร็ว เจ็บน้อย ใช้เวลาแค่ 3 เดือน จริงหรือเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: การจัดฟันเต็มรูปแบบเพื่อการรักษาปัญหาฟันของร้านหมอฟัน Tooth Connection ภูเก็ตจะใช้เวลาอย้างน้อย 2-3 ปี ส่วนการจัดฟันระยะสั้น (Short Term Orthodontics) ซึ่งเน้นไปที่ “ความสวยงาม” ให้ฟันด้านหน้าเรียงสวย โดยเป็นการจัดเรียงฟันหน้าบน 6-8 ซี่และฟันหน้าล่าง 6-8 ซี่ จะใช้เวลา 6-12 เดือน ซึ่งการจัดฟันระยะสั้นจะไม่สามารถรักษาปัญหาการสบฟันในช่องปากของเราได้

Q: ถ้าอยากใส่เหล็กจัดฟันแบบแฟชั่นเฉยๆ จำเป็นมั้ยที่จะต้องไปพบทันตแพทย์?
A: จำเป็น เพราะการที่ใส่เหล็กดัดฟันไว้ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของฟัน ถ้าเราไปจัดฟันกับร้านจัดฟันแฟชั่นนอกจากจะได้เหล็กจัดฟันที่ไม่ปลอดภัยแล้ว ยังได้การเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติเป็นของแถมให้รักษากันยาวๆ อีกด้วย เปลี่ยนจากสวยเป็นเสียในพริบตาถ้าเห็นแก่ของถูกไม่ได้มาตรฐาน

Q: เครื่องมืดจัดฟันแบบไหนดี? อ่านเพิ่มเติม>
A: เครื่องมือโลหะ (Metal Braces) หรือ เหล็กจัดฟัน เพราะราคาถูกที่สุดในบรรดาเครื่องมือจัดฟัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และสามารถเปลี่ยนสียางแฟชั่นได้บ่อย เรียกได้ว่า ถูกและดีมาอยู่จริง

Q: หลังจัดฟันแล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ (Retainers) ไปอีกนานแค่ไหน? อ่านเพิ่มเติม>
A: หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน เราต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลาประมาณ 1-2 ปีแรก หลังจากนั้นก็สามารถลดความถี่ในการใส่ได้ อาจใส่เฉพาะตอนนอน 3-5 คืนต่อสัปดาห์ ซึ่งควรใส่ให้สม่ำเสมอไปตลอดชีวิตจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการใส่รีเทนเนอร์จะป้องกันฟันเคลื่อนกลับตำแหน่งเดิม ถ้าใส่ไม่สม่ำเสมอฟันก็จะเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่จัดไว้

Q: ต้องถอนฟันหรือผ่าตัดด้วยรึเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของฟันที่พบ ซึ่งคุณหมอจะพิมพ์ปากและเอกซเรย์ เพื่อนำข้อมูลไปวินิจฉัย และวางแผนการรักษาก่อน จึงจะบอกได้ว่าต้องถอนฟันหรือผ่าตัดหรือไม่

Q: ปัญหาฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน?
A: ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติที่พบได้บ่อย มีอยู่ 7 แบบ ที่อาจรักษาได้ด้วยการจัดฟัน คือ

  1. ฟันยื่น (Protruding Teeth) ฟันหน้าบนหรือฟันหน้าล่างยื่นออกมามากกว่าปกติ ทำให้ปากอูม บางคนไม่สามารถปิดริมฝีปากได้สนิท มีฟันหน้าลอดออกมา
  2. ฟันซ้อน (Crowding) ฟันเรียงไม่เป็นระเบียบ ฟันเขี้ยวอยู่สูงเกินไป เป็นที่สะสมของเศษอาหาร ทำความสะอาดยากมีกลิ่นปาก
  3. ฟันสบคร่อม (Cross Bite) ฟันล่างสบคร่อมทับฟันบน หากพบในเด็กควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อหาทางรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้ขากรรไกรมีขนาดผิดปกติ และเกิดปัญหาใบหน้าเบี้ยวได้
  4. ฟันห่าง (Spacing) ฟันที่ไม่ชิดกันจนกลายเป็นช่องว่างระหว่างฟัน ทำให้พูดไม่ชัด
  5. ฟันสบลึก (Deep Bite) ฟันหน้าบนคร่อมปิดฟันหน้าล่างจนมากเกินไป ทำให้ดูเป็นคนหน้าสั้น ปลายฟันหน้าล่างจะชนโคนฟันหน้าบนด้านในไปเรื่อยๆ สร้างความเสียหายให้กับเหงือกและรากฟันหน้า
  6. ฟันสบเปิด (Open Bite) ปลายฟันหน้าบนและปลายฟันหน้าล่างไม่สบกัน ทำให้ไม่สามารถกัดอาหารให้ขาดได้ บางรายออกเสียงบางคำไม่ชัดเจน
  7. ฟันหาย (Missing Teeth) ฟันไม่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่กลับไปฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรแทน หากพบในน้องๆ หนูๆ ที่สงสัยว่าฟันขึ้นไม่ครบ ให้รีบปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน เพราะอาจช่วยดึงฟันให้ขึ้นมาได้แทนที่จะต้องใส่ฟันปลอมหรือรากฟันเทียม

การจัดฟันไม่ว่าจะทำเพื่อการรักษาปัญหาฟัน หรือความสวยงามควรจะปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกคลินิกทันตกรรม Tooth Connection ภูเก็ต ที่เชื่อถือได้เพราะการจัดฟันเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าเลือกสถานที่จัดฟันผิดชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงได้เช่นกัน

?? โปรโมชั่นจัดฟันและจองคิวจัดฟันออนไลน์